ธงชัย ใจดี เป็นคนไทยคนแรก ที่ได้ลงแข่งขันในรายการ ยูเอส โอเพ่น
ธงชัย ใจดี หรือ โปรช้าง นักกอล์ฟขึ้นหิ้ง วงการกอล์ฟไทย และระดับโลก สร้างประวัติศาสตร์ เอาไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งเป็นโปรกอล์ฟไทยคนแรก และคนที่ 7 ของเอเชีย ที่ได้แชมป์ในระดับ ยูโรเปี้ยนทัวร์ มาเลเซียน โอเพ่น ในปี ค.ศ. 2004 และก่อนหน้านั้น สามารถคว้าแชมป์ เอเชียนทัวร์ มาครองมากถึง 5 รายการ ทำให้วงสวิงของเขา ลอยโดงโฮลอินวัน เข้าไปในวงการกอล์ฟ ระดับโลกในทันที
และนักกอล์ฟรุ่นต่อ ๆ มา ต่างพากันยกให้ โปรช้าง เป็นต้นแบบในการเล่น ไม่ว่าจะเป็น ในเรื่องของวินัย และความมุ่งมั่น ซึ่งเขายอมรับว่า กว่าจะประสบความสำเร็จ กว่าจะไปคว้า ถ้วยรางวัลมาครอง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว
ในชัยชนะครั้งนั้น เขาได้เผยความรู้สึกว่า ” ผมมีความรู้สึก ภูมิใจมากที่ชนะ นักกอล์ฟทุกคน ต้องการสัมผัส ประสบการณ์นี้ เพราะถ้าคุณชนะ ชีวิตคุณจะเปลี่ยน ซึ่งมันเปลี่ยนชีวิตของผม นั่นเป็นช่วงเวลา ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในชีวิตของผม “
” หลังจากเป็นแชมป์ ในรายการนั้น ผมก็เริ่มเป็นที่รู้จัก ในฐานะนักกอล์ฟ จากเอเชียนทัวร์ และมีโอกาส ลงเล่นในยุโรป ไม่ใช่แค่ในเอเชีย ทำให้ผมต้อง พัฒนาตัวเอง และทำงานหนัก ให้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะการแข่งขัน มีความยากขึ้น “
จากนั้นในปี ค.ศ. 2005 โปรธงชัย ใจดี สามารถป้องกันแชมป์ มาเลเซียน โอเพ่น ได้อีกครั้งเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ทำให้เส้นทาง การมุ่งหน้าสู่ ระดับเวทีโลก เหมือนจะเป็นเรื่อง ที่ไม่ยากหนัก ในการออกไปทัวร์ ยุโรป หรือรายใหญ่อื่น ๆ แต่ความเป็นจริง เขาต้องใช้เวลา อีกพอสมควร กว่าจะประสบความสำเร็จ ในระดับเอเชีย และยุโรป
ธงชัย ใจดี เขายอมรับว่า ” ต้องใช้เวลาปรับตัว 2-3 ปี เพราะสภาพอากาศ ในทวีปยุโรป เป็นอุปสรรคสำคัญ ที่เขาต้องเอาชนะ “
โทรฟี่ใบใหม่ ของโปรช้าง ใจดี ต้องรอคอยยาวนานถึง 8 ปี นับตั้งแต่ ค.ศ. 2004 ที่ประเทศมาเลเซีย แต่ความความสำเร็จ ในคราวครั้งนี้ อยู่ดินแดนยุโรป เขาสามารถคว้าแชมป์รายการ ไอเอสพี ฮานดะ เวลส์ โอเพ่น ในปี 2012
และดูเหมือนฟอร์ม การหวดก้านเหล็ก เริ่มเข้าที่เข้าทาง สร้างชื่อเสียงต่อเนื่อง อีก 2 ปีต่อมา คว้าชัยชนะในรายการ นอร์เดีย มาสเตอร์ส ที่ประเทศสวีเดน ในปี 2014
แล้วใช้เวลาอีก 1 ปี ไล่ล่าแชมป์รายการ ปอร์เช ยูโรเปี้ยน โอเพ่น ที่ประเทศเยอรมนี ในปี 2015 และอีก 1 แชมป์รายการใหญ่ โอเพ่น เดอ ฟรองซ์ ที่ประเทศฝรั่งเศส ในปี 2016
ประวัติ นักกีฬา กอล์ฟ ธงชัย ใจดี ล่าสุด โปรกอล์ฟวัย 51 ปี จากจังหวัดลพบุรี ธงชัย ใจดี ครอบครัว ประกอบไปด้วย ภรรยาของเขาก็คือ ดร.น้ำฝน ใจดี นับเป็นหญิงเก่งหญิงแกร่งอีกคนหนึ่ง คอยดูแลลูก ๆ เพียงลำพัง และยังทำหน้าที่ แทนโปรช้าง ในการบริหาร จัดการต่าง ๆ
ทั้งโรงเรียนสอนกอล์ฟธงชัย ใจดี และมูลนิธิธงชัย ใจดี พร้อม ๆ กับเริ่มต้นทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย และ ลูกชายธงชัย ใจดี คนโตชื่อว่า ฐิติธัช ใจดี อายุ 14 ปี และคนเล็ก กิตติธัช ใจดี อายุ 8 ปี
“ทนไม่ไหวแล้ว แต่ต้องทนให้ได้” ธงชัย ใจดี หายไปไหน ?
โปรช้างเริ่มเล่นกอล์ฟ ตอนอายุได้ 16 ปี ซึ่งถือว่าเริ่มต้นช้ามาก ๆ โดยก่อนหน้านั้น เขาเป็นนักกีฬาฟุตบอล เล่นต่ำแหน่งปีกขวา ส่วนกอล์ฟแค่ตีเล่น ๆ กับเพื่อน เพราะบ้านอยู่ใกล้ ๆ สนามกอล์ฟ และไม่ได้คิดจริงจัง เพราะว่าฐานะทางบ้าน ไม่ได้ร่ำรวย
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขา เก่งขึ้นมาได้ก็คือ สมัยที่เขา เป็นทหารพลร่ม เป็นทหารยศสิบเอก “หน่วยรบพิเศษ” สังกัดศูนย์สงครามพิเศษ สิ่งที่คอยเตือนใจ ให้สู้ในทุกเวลาก็คือ คำที่ได้มาในตอนนั้น ก็คือ “ทนไม่ไหวแล้ว แต่ต้องทนให้ได้”
เช่น การฝึกอย่างหนัก แถมไม่ได้กินข้าว เป็นเวลา 7 มื้อ การเดินทางไกลเป็นร้อย ๆ กิโล ต้องฝึกลุยโคลนลุยน้ำ การฝึกรับมือ กับความยากลำบาก โดยไม่มีขีดจำกัด จนถึงขีดความสามารถ ที่เคยอดทนได้หมดไป คิดแค่ว่าทำอย่างไร จะผ่านอุปสรรค เหล่านี้ไปให้ได้ เพราะการฝึกไม่มีเป้าหมาย แต่ต้องผ่านไป
เป็นทหาร ได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด
” ยอมรับว่ามัน ไม่ใช่เรื่องง่าย ในช่วงแรกของกา รเริ่มต้นอาชีพนี้ ผมเคยอยู่ในกองทัพ และนั่นช่วยผมได้มาก สอนให้ผมมีความอดทน มีวินัย และเข้มแข็ง ในฐานะทหาร ผมต้องฝึกหนักมาก ดังนั้นผมจึงนำมา ปรับใช้กับการ ฝึกซ้อมกอล์ฟของผม จนทำให้ผม ประสบความสำเร็จ ผมไม่เคยคิดเลยว่า จะยึดกีฬากอล์ฟ เป็นอาชีพได้ เพราะผมเริ่มต้นจาก การเป็นเพียงนักกอล์ฟธรรมดา
ๆ คนหนึ่ง ซึ่งในสมัยนั้น การเล่นกอล์ฟอาชีพ เป็นเรื่องที่ยาก “
ความกังวลในช่วงแรกของเขาในขณะนั้น ตอนนี้กลายเป็นเพียงความทรงจำในอดีตไปแล้วสำหรับนักกอล์ฟทำเงินรางวัลสะสมเอเชียน ทัวร์ ออร์เดอร์ออฟเมอริต 3 สมัย เจ้าของแชมป์เอเชียน ทัวร์ 13 รายการ และแชมป์ยูโรเปี้ยน ทัวร์ 8 รายการ
ธงชัย กล่าวทิ้งท้าย ถึงนักกอล์ฟรุ่นหลัง
” ผมอยากเป็นแบบอย่าง ให้กับคนรุ่นหลัง ในอนาคตผมอยากเห็น นักกอล์ฟรุ่นใหม่ของไทย และเอเชียทำผลงาน ได้ดีกว่า ธงชัย ใจดี ผมอยากให้พวกเขาเห็นว่า ผมเริ่มต้นจากศูนย์ แต่สามารถก้าวมาถึงจุดนี้ได้ “